top of page

ทำความรู้จัก
โรคต้อกระจก

web.jpg

โรคต้อกระจก คือ

     ภาวะที่เลนส์ตา (lens)  โดยปกติแล้วควรจะใสและโปร่งใส แต่กลับมีความขุ่นมัว   ทำให้เรามองเห็นภาพไม่ชัดเจน ซึ่งมักจะเกิดจากการเสื่อมของเลนส์ตาซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัยจากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บที่ตาการใช้ยาบางชนิด  หรือสาเหตุจากโรคประจำตัวบางอย่าง ได้แก่ โรคเบาหวาน

 

     ดังนั้นการไปพบแพทย์เพื่อตรวจพบและรักษาต้อกระจกในระยะแรกจะช่วยให้สามารถรักษาได้โดยทันทีอีกทั้งยังสามารถทำให้มีโอกาสฟื้นฟูการมองเห็นได้ดีขึ้นแต่หากปล่อยทิ้งไว้นานจนต้อกระจกตาเสื่อมและถึงขั้นที่ไม่สามารถรักษาได้แล้วก็อาจทำให้การรักษาได้ผลยากขึ้นหรือมีความเสี่ยงสูง

อาการเริ่มต้นของโรคต้อกระจก

​​- มองเห็นภาพเบลอหรือมัว

- การมองเห็นยามกลางคืนยากขึ้น

- การมองเห็นแสงจ้าหรือแสงหลอกตา 

- การมองเห็นสีไม่สดใสเหมือนเดิม

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (5)_edited.jpg
ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (3).png

ประเภทของต้อกระจก

- ต้อกระจกที่เกี่ยวข้องกับอายุ (senile cataract)

- ต้อกระจกที่เกิดจากการบาดเจ็บ (traumatic cataract)

- ต้อกระจกที่เกิดจากโรคเบาหวาน (diabetic cataract)           เป็นต้น

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (9).png

อาการที่สามารถรักษาได้

- มองเห็นภาพเบลอหรือมัวโดยเฉพาะในสภาพแสงจ้า หรือแสงหลอกตา 

- มองเห็นแสงหลอกตาหรือแสงสะท้อนมากจนทำให้เกิดปัญหาในการขับรถ     หรือทำกิจกรรมต่างๆ

-  มองเห็นสีไม่สดใสเหมือนเดิม

-  มองเห็นภาพซ้อนหรือเห็นภาพหลายภาพจากตาเดียวกัน

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (6).png

อาการที่รักษาไม่ทัน
(เมื่อโรคต้อกระจกมีความรุนแรงมาก)

 

หากโรคต้อกระจกมีความรุนแรงมากและไม่ได้รับการรักษาในระยะเวลาที่เหมาะสม อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น:

- ภาวะต้อกระจกที่ซับซ้อน (Complicated cataract)  เช่น     ต้อกระจกที่ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในตา  หรือเกิดการ       บาดเจ็บที่ส่วนอื่นของตา

- การเสื่อมของเนื้อเยื่อในตา ที่อาจทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้

   หรือการผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง  

 

ดีไซน์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ (7).png
A997EF65-5371-4B9D-87E8-16BA1B776FB4 (1).jpg

 

หลักๆแล้ววิธีการรักษาโดยการผ่าตัด มี  2 แบบ ได้แก่  

1. แผลเปิดกว้าง (Extracapsular Cataract Extraction) โดยนำเลนส์เดิมออกมาแล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทน

ข้อเสียคือแผลค่อนข้างกว้างใช้เวลาผ่าตัดและพักฟื้นนาน 

2. ผ่าตัดด้วยการสลายต้อกระจก (Phacoemulsification) ใช้เครื่องมือเข้าไปสลายต้อที่เลนส์ตา

วิธีนี้ไม่ต้องตัดไหมสามารถกลับบ้านได้เลยหลังผ่าตัดและยังสามารถแก้ไขค่าสายตาพร้อมกับการ     

รักษาต้อกระจกได้ในคราวเดียวกัน 

 

ทั้งนี้โรคต้อกระจกไม่ใช่โรคร้ายแรงสามารถรักษาได้แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นานจะเกิดอันตรายเพราภาวะแทรกซ้อนทำให้ติดเชื้อ

เกิดเป็นต้อหินหรือตาบอดได้ในที่สุด

วิธีการรักษาระยะเบื้องต้น

- การหลีกเลี่ยงแสงแดดที่แรงโดยการสวมแว่น

- กันแดด การตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ

- การควบคุมโรคเบาหวาน

- การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพตา

วิธีการรักษาผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำการรักษาได้

- การใช้เทคโนโลยีช่วยการมองเห็น เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชันช่วยในการขยายข้อความ, ซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการอ่านข้อความ

- การดูแลตาให้สะอาดและหลีกเลี่ยงการระคายเคือง

- การปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น เพิ่มแสงสว่างภายในบ้าน,

- การใช้ไม้เท้า หรือการมีผู้ช่วยในการเดินทาง

- การพูดคุยและให้คำแนะนำทางจิตใจ การสูญเสียการมองเห็นอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ เช่น ความเครียด, ความวิตกกังวล หรือการหดหู่

ปิดตา

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

​- ใส่เสื้อสวมสบายถอดใส่ง่าย
- สระผมและล้างหน้าก่อนมาถึงโรงพยาบาล
- เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจะมีการหยอดยาชา ยาขยายม่านตา และยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าห้องผ่าตัด โดยยาชามีทั้งการหยอดยาชา
หรือฉีดยาชาเฉพาะที่เข้าด้านหลังลูกตา แต่ถ้ากลัวหรือกังวลสามารถดมยาสลบทำได้
- ขณะผ่าตัดสลายต้อกระจกจะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที โดยทำในห้องผ่าตัดใหญ่ปลอดเชื้อ ผู้ป่วยจะรู้ตัวขณะผ่าตัดแต่จะรู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บ
อาจมีการเห็นแสงและการขยับไปมาของแสง หรือรู้สึกโดนกดตา แต่ไม่เจ็บเหมือนโดนมีดบาด
- หลังผ่าตัดต้อกระจกเสร็จเรียบร้อย ผู้ป่วยจะพักในห้องพักฟื้นประมาณ 30 นาทีแล้วจึงกลับบ้านได้ในกรณีที่ไม่ได้ให้ยาสลบ กินยาตามที่แพทย์สั่ง

 

การดูแลรักษาหลังผ่าตัด


- สวมแว่นตากันลมหรือแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันการขยี้ตาและป้องกันการเกิดการกระทบกระเทือนที่ดวงตา 
- ก่อนนอนทุกคืนให้ครอบตาข้างที่สลายต้อกระจกด้วยฝาครอบตา เพื่อป้องกันการขยี้ตาในระหว่างการนอนอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ระวังอย่าให้ตาข้างนั้นโดนกระแทกโดยตรงอย่างรุนแรง
- ห้ามน้ำเข้าดวงตาโดยเด็ดขาด ตามระยะเวลาที่จักษุแพทย์กำหนด (อย่างน้อย 2 สัปดาห์)
- ป้องกันเชื้อโรคเข้าดวงตา โดยใช้น้ำเกลือและสำลีเช็ดตาแทนการล้างหน้า
- ไม่ควรสระผมด้วยตนเอง ควรนอนหงายให้ผู้อื่นสระผมให้ และในขณะสระผมควรหลับตา เพื่อป้องกันน้ำที่อาจกระเด็นเข้าดวงตาได้
- เช็ดทำความสะอาดดวงตาตามวิธีที่จักษุแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
- ตรวจตาตามนัดของจักษุแพทย์ทุกครั้ง เช่น หลังผ่าตัด 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และทุก ๆ ปีหลังผ่าตัด
- ห้ามยกของหนัก
- ระวังเรื่องการไอ จาม หรือเบ่งแรง ๆ ท้องผูก

bottom of page